ปปส.ภ.๗ จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการประชาคมข่าวพื้นที่ภาค ๗
ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดเพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน
ต่อมาเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๒ พลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เปิดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปี ๒๕๖๓ ณ ทำเนียบรัฐบาล และได้ปรารภว่า "ยาเสพติด เป็นนโยบายเร่งด่วนทุกปี จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง ต้องปราบให้เร็วที่สุด"เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและแผนปฏิบัติ การด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดและลดระดับความรุนแรงของปัญหาตามยุทธศาสตร์ชาติ และนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ "สังคมไทยปลอดภัยจากยาเสพติด" อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ส่วนวิเคราะห์ข่าวและเฝ้าระวัง ปปส.ภ. ๗ จึงได้จัดโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการประชาคมข่าวพื้นที่ภาค ๗ ครั้งที่ ๑ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๓ ขึ้นระหว่างวันอังคารที่ ๑๗ ถึงวันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ ณ โรงแรมชูชัยบุรี ศรีอัมพวา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ สำนักงาน ป.ป.ส. มีข้อมูลการข่าวกรองด้าน ยาเสพติดที่แม่นตรงและใช้ในการประเมินวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหายาเสพติด ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ภาคตะวันตก ได้อย่างถูกต้อง โดยใช้เป็นเครื่องมือในการชี้สภาพปัญหาอันจะนำไปสู่เป้าหมายการปราบปราม สกัดกั้นและเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ ในวันพุธ ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒ นายกิตติ อัครามีน ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปปส.ภ.๗ ได้เป็นประธานการประชุมนำเสนอผลการประชุมประเด็นสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาค ๗ ตามผลการประชุมกลุ่มย่อย เรื่อง สถานการณ์ปัญหาฯ พื้นที่ชายแดน พื้นที่ตอนใน การแพร่ระบาดของเฮโรอีนและกัญชา พร้อมทั้งที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและกำหนด หขส. สำคัญ เช่น จำนวนและที่ตั้งของอู่ซ่อมและดัดแปลงรถประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้พาหนะลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในประเทศ บ่อนการพนันบริเวณชายแดนประเทศเพื่อนบ้านในมิติแหล่งนัดพบและฟอกเงิน กลุ่มเครือข่ายมือขนยาเสพติดชาวต่างด้าว และคนไทยที่เคลื่อนไหวบริเวณชายแดน ความเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างพื้นที่ จากการเฝ้าระวังญาติที่เข้าเยี่ยมผู้ต้องขังโดยติดตามเชื่อมโยงข้อมูลบุคคลผ่านทะเบียนรถและเบอร์โทรศัพท์ การเฝ้าระวังการลักลอบปลูกกัญชา การจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ ต้นกล้า และแปลงปลูก แหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่ การเสพยาเสพติดในการแข่งวัวลานและไก่ชน เป็นต้น
โดยผู้ร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย ผู้แทน บช.ปส. หน่วยงานด้านการข่าวกรองยาเสพติดในพื้นที่ ๘ จังหวัด ภาคตะวันตก ทั้งตำรวจ ทหารชุดเฉพาะกิจ กองกำลัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้บัญชาการเรือนจำ และเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ป.ป.ส./ปปส.ภ.๗ จำนวน ๖๐ นาย