วันที่ 11 กันยายน 2568 นางสาวอารีภักดิ์  เงินบำรุง รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.ปปส.ภ.7 นายสำรวย วรเตชะคงคา ผชช.ภ.7 และคณะ เข้าร่วมในพิธีเปิดโครงการฝึกอบรมทบทวนพัฒนาความรู้และทักษะกระบวนการจัดการชุมชนของบุคลากรเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประจำปีงบประมาณ 2568 ณ ศูนย์ฝึกอบรมมวลชน อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีเปิด  พร้อมด้วย พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้เข้ารับการฝึกอบรม ประกอบด้วย ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับการแต่งตั้งเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษภายใต้ "ยุทธการเมืองสามอ่าว ล้างบางยาเสพติด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์" รวมจำนวน 200 คน เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้รับประสบการณ์และมีความสามารถในการเสริมสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน มีความรู้ความสามารถในด้านการจัดการชุมชนเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบในการปฏิบัติงาน การฝึกอบรมในครั้งนี้จึงเป็นการทบทวนความรู้เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถเป็นแกนนำในหมู่บ้าน/ชุมชน ในการช่วยเหลือทางราชการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับหมู่บ้าน/ชุมชน ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การดำเนินงานป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด  ทาง ป.ป.ส.ไม่สามารถทำงานได้เพียงหน่วยงานเดียว จำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกับพันธมิตร 28 หน่วยงาน โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในพื้นที่ถือเป็นกลไกสำคัญในการทำงานเพราะเป็นผู้ที่รู้ปัญหามากที่สุด ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ทั้งนี้ แหล่งที่มาของยาเสพติดมาจากภายนอกประเทศ ล่าสุด ป.ป.ส.ได้ประสานประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึง ป.ป.ส.จีน ส่งข้อมูลรายชื่อผู้สั่งการในขบวนการค้ายาเสพติดเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ส่วนเรื่องการใช้กัญชา กระท่อม ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม ในการผลักดันกฎหมายลูกเพื่อควบคุมการนำไปใช้ในทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พบข้อมูลตัวเลขจำนวนผู้ที่มีอาการทางจิตลดลงมาก เป็นสิ่งที่บอกว่าการแก้ปัญหายาเสพติดมาถูกทาง โดยร้อยละ 90 ของยาเสพติดที่แพร่ระบาดในประเทศเป็นยาบ้า ที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท  โดยการแก้ปัญหานี้ ชุมชนต้องมีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อทำให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน